นายกรัฐมนตรีเยอรมนีประกาศขยายมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ต่อไปถึงกลางเดือนเ ม.ย. หรือหลังเทศกาลอีสเตอร์ออกไปอีก พร้อมทั้งเตือนประชาชนให้ตระหนักถึง “การแพร่ระบาดรอบใหม่”

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ว่า นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล แถลงเมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเยอรมนี “กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดใหญ่ครั้งใหม่” หมายถึงอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์จากสหราชอาณาจักรที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แมร์เคิล กล่าวว่า รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นผ่อนคลายความเข้มงวดของมาตรการทางสังคมหลายระดับ เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ “ตามปกติมากขึ้น” อย่างไรก็ตาม อัตราการพบผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 72 ชั่วโมงล่าสุด สูงกว่า 100 ต่ออัตราประชากร 100,000 คน เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า และแซงหน้าสหรัฐแล้ว โดยสถิติเฉพาะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อยู่ที่ 107 ต่อประชากร 100,000 คน
 
ด้วยเหตุนี้ ผู้นำเยอรมนีจึงประกาศว่า เป็นไปตามความเห็นชอบร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นทั้ง 16 รัฐ ขยายมาตรการล็อกดาวน์ที่กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 28 มี.ค. ต่อไปจนถึง 18 เม.ย.นี้ “เป็นอย่างน้อย” โดยในช่วงหยุดยาวของเทศกาลอีสเตอร์นั้น สถานที่นันทนาการ “เกือบทั้งหมด” จะปิดให้บริการระหว่างวันที่ 1-3 เม.ย. และห้ามการรวมกลุ่มในสถานที่สาธารณะไม่ว่ากี่คนก็ตาม ระหว่างวันที่ 1-5 เม.ย.
  
ขณะเดียวกัน แมร์เคิล กล่าวว่า เธอ “ไม่แนะนำ” ให้มีการเดินทางไปต่างประเทศ “หากไม่มีความจำเป็นสูงสุด” แม้ผู้นำเยอรมนี กล่าวว่า “การ์ดตกกันทุกฝ่าย” ทั้งที่ร่วมมือกันได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงการแพร่ระบาดระลอกแรก แต่เชื่อว่า “แสงสว่างรออยู่ที่ปลายอุโมงค์” และขอให้ชาวเยอรมันให้ความร่วมมือฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด
 
ปัจจุบันเยอรมนีมีสถิติสะสมของผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 อย่างน้อย 2,674,710 คน เพิ่มขึ้น 7,485 คน และเสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 74,964 ราย เพิ่มขึ้น 250 รายภายในวันเดียว